วันพฤหัสบดีที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หนุ่มแอฟริกาใต้ต้มสาวไทย

เสียรู้เป็นร้อย!ตีสนิททางเน็ตหลอกโอนเงินรวบสาวร่วมตุ๋น

ตำรวจรวบสาวบาร์เบียร์ย่านพัทยา รวมหัวกับแฟนหนุ่มผิวหมึกชาวแอฟริกาใต้หลอกตุ๋นสาวไทย โดยพฤติกรรมสุดแสบใช้อินเตอร์เน็ตโปรมแกรม "เฟซบุ๊ก" และ "msn" หลอกตุ๋นสาวไทย ทำทีเดินทางมาพบแล้วอ้างถูกกักตัวที่สนามบินพร้อมใช้เล่ห์เหลี่ยมให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชี สาวไทยตกเป็นเหยื่อกว่า 100 ราย สูญเงินกว่า 20 ล้านบาท

ตำรวจรวบตัวสาวบาร์เบียร์ หลังร่วมหัวกับหนุ่มต่างชาติหลอกตุ๋นสาวไทยรายนี้ เปิดเผยเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 7 ต.ค. ที่ห้องประชุมกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.ภวัต พรหมมะกฤต พ.ต.อ.ชยุต รัตนอุบล รอง ผบก.ภ.จ. พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ภักดีณรงค์ ผกก.สภ.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ แถลงข่าวจับกุม น.ส.คนธนันท์ หรือสาว บิลพัฒน์ อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/306 หมู่ 15 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆรวม 4 เครื่อง บัตรเอทีเอ็มวีซ่าธนาคารกรุงศรีอยุธยา 3 ใบ บัตรเอทีเอ็มธนาคารไทยพาณิชย์ 2 ใบ บัตรเอทีเอ็มวีซ่าธนาคารกสิกรไทย 2 ใบ บัตรสมาชิกส่วนลดร้านจำหน่ายเสื้อผ้าและเครื่องสำอาง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง

พล.ต.ต.ชิษณุพงศ์ ยุกตะทัต ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจากตำรวจ สภ.ราชาเทวะ ได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายเป็นหญิงสาวจำนวนหลายราย ว่าได้มีการเล่นอินเตอร์เน็ตพูดคุยกับเพื่อนชายชาวต่างชาติ ผ่าน "เฟซบุ๊ก" และโปรแกรม "MSN" จนสนิทสนมก่อนมีการนัดแนะพบเจอกันที่ประเทศไทย

โดยฝ่ายชายให้เดินทางมารับที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่เมื่อหญิงสาวเหล่านี้ไปถึงสนามบินกลับไม่พบตัวฝ่ายชาย ระหว่างนั้นจะมีผู้หญิงหรือผู้ชายทำทีโทรศัพท์เข้ามือถือของผู้เสียหาย อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ศุลกากรและเจ้าหน้าที่การท่าฯว่ามีการกักตัวเพื่อนชายชาวต่างชาติเอาไว้ เนื่องจากเอกสารและคุณสมบัติการเข้าประเทศไม่ครบถ้วน พร้อมกับแจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่าหากต้องการให้เดินเรื่องเพื่อปล่อยตัวเพื่อนชายชาวต่างชาติ ให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ในวงเงินตั้งแต่ 30,000-50,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อยอมโอนเงินไปให้ แต่หลังจากนั้นไม่สามารถติดต่อได้ สอบถามเจ้าหน้าที่การท่าฯจึงทราบว่าถูกหลอก พากันเข้าแจ้งความตำรวจ

ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการเปิดเผยอีกว่า ต่อมาตำรวจตรวจเช็กพบว่ามีการโอนเงินเข้าบัญชีให้กับผู้หญิง 3 รายคือ น.ส.อมรรัตน์ ผลอินทร์ น.ส.วไลพร พงษ์ประยูร น.ส.สุภาพร สุทธิมาศ โดยมี น.ส.คนธนันท์เป็นผู้นำบัตรเอทีเอ็มของคนทั้ง 3 ไปใช้ตระเวนถอนเงินจากตู้กดเงินด่วนที่ประเทศมาเลเซียหลายครั้งติดต่อกัน ล่าสุดเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา น.ส.คนธนันท์ใช้บัตรกดเงินอีกครั้งที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยย่านบางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ 10,000 บาท ตำรวจติดตามจับกุมไว้ได้ ในขณะที่ พ.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ ภักดีณรงค์ ผกก.สภ.ราชาเทวะ กล่าวเสริมว่า เชื่อว่า น.ส.คนธนันท์อยู่ในกลุ่มเดียวกับแก๊งต้มตุ๋นข้ามชาติ คนกลุ่มนี้จะอยู่ต่างประเทศ แต่ใช้วิธีโทรศัพท์กลับมายังประเทศไทยหลอกให้เหยื่อโอนเงินเข้าบัญชี และจากการตรวจสอบพบว่า น.ส.คนธนันท์กดเงินผ่านตู้เอทีเอ็มที่ประเทศมาเลเซียมากกว่า 50 ครั้ง การกระทำลักษณะนี้คล้ายกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนและไต้หวัน ที่อาละวาดอยู่ในเมืองไทย แต่ต่างกันตรงที่วิธีการหลอกลวงผู้เสียหายเท่านั้น มีผู้ตกเป็นเหยื่อนับ 100 ราย สูญเงินไม่ต่ำกว่า 20 ล้านบาท

ด้าน น.ส.คนธนันท์ หรือสาว บิลพัฒน์ ให้การว่า ทำงานเป็นสาวบาร์เบียร์ที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านพัทยา คบหาเป็นแฟนกับนายปริ๊นซ์ ไม่ทราบนามสกุล อายุ 40-45 ปี ผิวสี ชาวแอฟริกาใต้ โดยนายปริ๊นซ์จะชักชวนไปเที่ยวประเทศมาเลเซียเป็นประจำ พร้อมกับมอบบัตรเอทีเอ็มให้ไปกดเงินตามตู้เอทีเอ็มในมาเลเซียหลายครั้ง โดยที่ตนไม่ทราบว่าเป็นบัตรเอทีเอ็มของใคร นายปริ๊นซ์จะให้ค่าจ้างครั้งละ 1,000-2,000 บาท ตระเวนกดเงินมาแล้วทั้งในมาเลเซียและในเมืองไทยไม่ต่ำกว่า 100 ครั้ง วงเงินที่กดแต่ละครั้ง 10,000-30,000 บาท ปัจจุบันเลิกรากับนายปริ๊นซ์นานหลายเดือนแล้ว ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว  อย่างไรก็ตาม คำให้การของ น.ส.คนธนันท์ ตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อ ควบคุมตัวดำเนินคดีและจะขยายผลจับกุมเพื่อนร่วมแก๊งต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น